Home

voss water

เห็นเพื่อน ๆ ในกลุ่มไลน์ Enlightened Thailand คุยกันเรื่องขวดน้ำดื่มยี่ห้อนึงที่มีการตลาดน่าสนใจคือเปลี่ยน packaging ไปตามธีมแต่ละเดือน เลยนึกย้อนเกี่ยวกับน้ำขวดอีกยี่ห้อนึงที่ทำให้ผมงุนงงหลงไหลเมื่อหลายสิบปีก่อน ต้องเรียกหลายสิบปีเพราะแก่แล้วจริง (ฮา)

หลายสิบปีตอนนั้นก็เรียกว่าสมัยห้าวอ่ะนะ คุณลูกค้าเขาเชิญไปดูคู่ค้าเขาที่เมืองมะกัน อันนี้เป็นโปรเจคค้ากุ้งข้ามประเทศที่ถ้าเรียกอย่างปัจจุบันคือ innovative มาก โดยสาเหตุหลักสองประการ อย่างแรกคือเป็นการ collaborate บริษัทค้ากุ้งในไทยสี่เจ้ายักษ์ใหญ่ เพื่อแก้ pain point ในเรื่องไซส์กุ้ง สร้างอำนาจต่อรอง และเพิ่มมูลค่าสินค้า อย่างที่สองคือไปตั้งบริษัทตัวแทนที่มะกันทำหน้าที่นายหน้าค้าขายให้กับลูกค้าที่นั่นเลย เรียกว่าตั้งคนกลางที่เป็นคนตัวเองทำงาน ดังนั้น เท่ากับว่าผู้ผลิตพบผู้บริโภคโดยตรง เรื่องการจัดการส่วนต่างกำไรก็อยู่ภายใต้การดูแลทุกขั้นตอน คล้ายของ dock to desk เหมือนกัน แต่ด้วยว่าโปรเจคแบบนี้สมัยนั้นโคตรจะเสี่ยงเพราะทุกอย่างมันอยู่นอกประเทศ คุณลูกค้าเลยเชิญไปดูการทำงานที่เมืองมะกันเลย ตอนนั้นยังเป็นพนักงานต๊อกต๋อยภาษาอังกฤษกระท่อนกระแท่นพอเอาตัวรอดได้ เลยได้มีโอกาสตามติดไปดูงานกับเขาด้วย

และด้วยความห้าวอย่างที่บอก บวกกับดูตารางแล้วมีแต่เดินทางกับทำงาน เสื้อผ้าแบบใส่สูทผูกไทด์ที่มันเข้ากับกาละและเทศะเลยไม่ได้เตรียมไป เอาแค่เสื้อยืด กางเกงขายาว รองเท้าหุ้มส้น แล้วก็นั่งทำงานงก ๆ ตั้งแต่ลงเครื่อง ไปนั่งเจ็ทแล็กหลับ ๆ ตื่น ๆ ฟังเขาบรรยายเรื่องการทำงาน ดูรายงานต่าง ๆ ตรวจสอบเอกสาร ทำผัง แบ่งกระจายงาน พอใกล้จะกลับ ฝรั่งเขาจะพาไปเลี้ยงดินเนอร์ที่ภัตตาคารสุดหรู ก็ฉิบหายสิ ไม่มีเสื้อสูทใส่ มีแต่เสื้อม่อฮ่อมสุดสวยแค่ตัวเดียว ใส่ไปถึงงานฝรั่งรีบดึงตัวออกนอกร้านมาเปลี่ยนเสื้อให้แทบไม่ทัน (ฮา)

ไอ้เรื่องน้ำขวดที่จะเล่ามาตอนช่วงท้าย ๆ ทริปนี้แล้วล่ะ พอดีทำงานกันดีไปหน่อย เสร็จเร็วกว่ากำหนดวันสองวัน คุณลูกค้าก็เลยถามว่าจะเอาไง ทุกคนก็อยากจะชอปปิ้ง แต่มันยังเช้าตรู่เลย ด้วยความห้าว (อีกแล้ว) ก็เลยบอกไปว่า ไป Getty Museum ฆ่าเวลาไหม เขาเปิดตอนสาย เดินเล่นสักหน่อย แล้วค่อยไปชอปปิ้งต่อตอนบ่าย J.Paul Getty Museum เป็นพิพิธภัณฑ์กลางเมือง LA ที่ได้ยินชื่อมานานล่ะว่าเด็ด ตอนเสนอไปก็ไม่คิดว่าจะได้ไปหรอกนะ เพราะดูแต่ละคนแล้วคงอยากจะชอปปิ้งมากกว่า แต่ดันดวงดีมีโชค บรรดาคนร่วมทางพยักหน้าว่าไปกัน เลยได้ไปสมใจอยาก ก็นั่งรถไปกันถึงที่ตอนสาย ๆ

Getty Museum (en.wikipedia.org/wiki/J._Paul_Getty_Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์บนยอดเขาตอนนั้นพื้นที่ไม่ใหญ่มาก วันเดียวเดินสบายน่าจะครบ แต่ตอนนี้เห็นภาพแล้วเดินกันเช้าจรดเย็นน่ะ มันใหญ่จริง คือเข้าไปแล้วมันโอโห้ อื้อฮือ กันอื้ออึง เพราะหลายภาพที่โชว์เคยเห็นแต่ในหนังสือ พอมาเห็นของจริงแล้วมันอึ้งจริง ๆ อย่าง Irises ของ Vincent van Gogh ภาพมันใหญ่มาก เขาก็จะมีโซฟายาวตั้งอยู่หน้าภาพให้นั่งชมไปเลย เดินไปก็จะเห็นคนนั่งนิ่ง ๆ ดูภาพกันเป็นจุด ๆ แล้วทุกที่จะมีอะไรให้ดูตลอด ตอนนี้ถ้าไปคงสนใจพวกงานเครื่องไม้เฟอร์นิเจอร์ทั้งหลาย มันวิจิตรพิศดารเหลือเกิน

เห็นชื่อ Getty อาจจะสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับ Getty Images ไหม เกี่ยวเหมือนกันเพราะ Mark Getty ที่เป็นคนก่อตั้ง Getty Images เป็นลูกของ Sir Paul Getty (John Paul Getty II) ซึ่งเป็นลูกของ J.Paul Getty คนก่อตั้ง J.Paul Getty Trust ที่ดูแล Getty Museum พูดง่าย ๆ คือคนก่อตั้ง Getty Images เป็นหลานของคนก่อตั้ง Getty Museum นั่นเอง Getty Family นี่น่าสนใจศึกษาเหมือนกันนะ

ยังไม่เข้าเรื่องขวดน้ำสักที 555 มาล่ะ มาล่ะ คือด้วยไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์คราวนี้จะอินมากไม่ได้ มีคนรอชอปปิ้งอยู่ ก็เลยได้แต่เดินรีบ ๆ ไปห้องโน้นออกห้องนี้ ขึ้นลงแต่ละชั้น แล้วไปเจอกันที่ร้านอาหารเพื่อทานข้าว คือร้านอาหารในพิพิธภัณฑ์ระดับนี้ ไม่ต้องคิดว่าจะได้สั่งข้าวแกงราดกับข้าวสองอย่าง หรือบะหมี่เกี้ยวน้ำหมูแดง อย่าคิดไปหาอะไรแบบนั้น มันจะต้องเป็นคอร์สเมนูแล้วให้เลือกเท่านั้น ถึงจะสมศักดิ์ศรี จำไม่ได้เหมือนกันว่าเลือกอะไร แต่นั่นก็เป็นครั้งแรกที่ได้รู้จัก fusion food (สมัยนี้ชื่อนี้มันคงเชยไปล่ะ) เราเห็นเมนูน้ำหลากหลายแล้วก็เกรงใจคุณลูกค้าเลยสั่งน้ำเปล่าเพราะถูกสุด ซึ่งน้ำเปล่ายี่ห้อเดียวในที่แห่งนั้นคือ VOSS

VOSS Water มาในบรรจุภัณฑ์ขวดแก้วทรงกระบอกขนาด 800 มล. คืองงกับบรรจุภัณฑ์ที่ใช้แก้วอย่างดีเลย แล้วออกแบบสวยด้วย ยังคิดเลยว่าเขากล้าทำนะ จากงงก็ชอบ เขายังโฆษณาอีกว่าน้ำนี้นำมาจากน้ำในชั้นใต้ดิน (artesian water) ที่ผ่านการกรองโดยธรรมชาติในประเทศนอร์เวย์ (ถ้าพูดให้เข้าใจก็น้ำบาดาลประมาณนั้น) แต่ตอนนั้นไม่รู้หรอกว่าเป็นน้ำอะไร รสชาติแบบไหน แต่ขวดมันสวยสะดุดตามาก คือมองดูขวดเป็นระยะ ๆ ตลอด พอทานข้าวเสร็จ คิดเงินแล้วจะออก ร้าน ก็ยังมองขวด ร้านเขาก็ถามจะเอาขวดไหม เราก็เฮ้ย! เอาดิ! ขวดแก้วอย่างดีขนาดนี้ ก็หยิบมาคนละขวดสองขวดจนหมด แล้วขนกลับมาไทยด้วย ตอนนี้ไม่รู้เก็บไว้ตรงไหน แต่ตอนที่เจอเมื่อหลายปีก่อนเอามาเปิดดูก็ยังอยู่ในสภาพดีทั้งฝาทั้งขวดนะ

อันนี้ก็เป็นประสบการณ์เกี่ยวกับน้ำขวด ตอนหลังมาศึกษาดู ตลาดน้ำดื่มแบบโคตรไฮอย่างนี้โตมากในต่างประเทศนะ จัดเป็น niche market สุด ๆ เคยเห็นบางบริษัทโฆษณาบอกว่าน้ำตัวเองน่ะเป็นน้ำที่เก็บจากฝนที่กลั่นตัวมาจากแหล่งน้ำธรรมชาติที่บริสุทธิ์กลางป่าเขา เล่าเรื่องโคตรเหนือแล้วมีคนซื้อด้วยนะ พีคมากอ่ะ ใครอยากเห็นขวดแก้วของ VOSS ลองเดินใน Tops เห็นมีขายเหมือนกัน คือค่าขวดน่าจะแพงไม่เบา

ปัจฉิมบท

บริษัทคู่ค้ามะกันตอนนี้มีนายทุนมาซื้อไปแล้วเมื่อปีก่อน 2017 ด้วยมูลค่า 107 ล้านเหรียญ เพราะ Business Model เหมาะสม มีการทำงานที่ดี สร้าง bargaining power มีผลลัพธ์ให้เห็น ยังไงก็ไปได้

-VOSS Water ตอนนี้หุ้นส่วนใหญ่ถูกซื้อไปในปี 2016 โดย Reignwood Group กลุ่มทุนไทยจีนที่เป็นธุรกิจหลักเป็นผู้จำหน่ายกระทิงแดงในประเทศจีน

ส่วนบริษัทกุ้งทั้งสี่แห่งก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างแล้วเหมือนกัน แต่แอบไปดูงบบางบริษัทมา เรื่องนี้ถ้าจะเขียนเป็นบทเรียนคงได้เล่มใหญ่ทีเดียว

ตัวละครแยกย้าย ม่านปิดฉาก ไม่มีสิ่งใดคงทนถาวรตลอด

ใส่ความเห็น